พลังแห่งความกตัญญูรู้คุณนำสู่ความเจริญ
ความเป็นมาและความสำคัญ
ความกตัญญูมี 3 ลักษณะ คือ กตัญญูด้วยจิตใจ กตัญญูด้วยวาจา และกตัญญูด้วยการให้ตอบแทน ดังนั้นการรู้จักกตัญญูของคน ถือเป็นคุณสมบัติหนึ่งของคนดีซึ่งสังคมยกย่อง ส่วนการตอบแทนผู้มีพระคุณนั้นมีหลายแบบ ความคิดเทิดทูนในทางที่ดี การใช้วาจางดงามยกย่องให้เกียรติ และการตอบแทนด้วยเงินทอง สิ่งของ ซึ่งกระทำต่อผู้มีพระคุณ ล้วนถือเป็นการแสดงความกตัญญู ดังนั้น ความคิดที่ว่าต้องจ่ายเงินตอบแทนพระคุณหรือทำงานทดแทนคุณ มิใช่วิธีเดียวของการแสดงความกตัญญู แม้ไม่มีเงินทอง สิ่งของ ก็อาจตอบแทนด้วยวาจาไพเราะหรือจิตใจที่ดีงามในการคิดถึงผู้มีพระคุณได้ อีกอย่างหนึ่ง การตอบแทนพระคุณด้วยการทำละเมิดกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีในสังคมอันสร้างความเดือดร้อนแก่คนกลุ่มอื่น เพื่อผลประโยชน์หรือความสุขของผู้มีพระคุณไม่ว่าเขาจะร้องขอหรือไม่ก็ตาม
จากความสำคัญด้งกล่าวในปีการศึกษา 2553 โรงเรียนบ้านปากห้วยวังนอง ได้บรรจุคุณธรรมความกตัญญู กลุ่มของเราสนใจน่าเรียนรู้ เพราะทุกวันนี้เด็กรุ่นใหม่ ขาดความกตัญญู ขาดสำนึกในการเป็นลูก เป็นพลเมืองที่ดีของชาติ พวกหนูจึงได้สนใจจัดทำโครงงานขึ้นเพื่อปลูกฝังจิตสำนึกให้กับเด็กรุ่นใหม่ หันมาสนใจดูแลญาติผู้ใหญ่ เป็นลูกที่ดี พลเมืองดีของชาติ และโรงเรียนได้บรรจุใส่ในคุณธรรมพื้นฐาน 9 ประการเพื่อให้นักเรียนมีความกตัญญูต่อบุพการี ต่อญาติผู้ใหญ่ ต่อไป
วัตถุประสงค์
1. เพื่อสืบค้นหานักเรียนที่มีความกตัญญูต่อบุคคลต่าง ๆ
2. เพื่อให้นักเรียนตระหนักถึงความกตัญญู
3. เพื่อให้สังคมเกิดความสงบสุขเพราะทุกคนได้มีความกตัญญูและจะก่อให้เกิดสิ่งที่ดีตามมา
4. ชุมชนมีความรักผูกพันกันเพราะความกตัญญูเป็นเครื่องหมายเชิดชูความดี
ขอบเขตของการศึกษา
นักเรียนชั้น ป.6/2 โรงเรียนบ้านปากห้วยวังนอง จำนวน 39 คน
ผลที่ได้รับ
1. นักเรียนชั้น ป.6/2 หันมาสนใจรู้สำนึกถึงบุพการรีและผู้มีพระคุณ
2. เพื่อน ๆ นักเรียนรุ่นน้องเห็นพี่มีความกตัญญู น้อง ๆ ได้เอาเป็นแบบอย่าง
3. ทางโรงเรียนมีโครงการป,กจิตสำนึกสำคัญให้นักเรียนได้แสดงออกถึงความกตัญญูในวันสำคัญต่าง ๆ เช่น วันแม่ วันพ่อ วันไหว้ครู วันสถาปนาโรงเรียน
4. สังคมมีความชื่นชมยินดีมีความสุขเพื่อเห็นนักเรียนส่วนมากมีความกตัญญู
5. ได้เผยแพร่โครงงานคุณธรรมที่ เวบไซต์ ครูบ้านนอกดอทคอม
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ความกตัญญู คือ ความรู้คุณ หมายถึงความเป็นผู้มีใจกระจ่าง มีสติ มีปัญญาบริบูรณ์ รู้อุปการคุณที่ผู้อื่นกระทำแล้วแก่ตน ผู้ใดก็ตามที่ทำคุณแก่ตนแล้ว ไม่ว่าจะมากก็ตาม น้อยก็ตาม เช่น เลี้ยงดูสั่งสอน ให้ที่พัก ให้งานทำ ฯลฯ ย่อมระลึกถึงด้วยความซาบซึ้งอยู่เสมอ ไม่ลืมอุปการคุณนั้นเลย
อีกนัยหนึ่ง ความกตัญญู หมายถึง ความรู้บุญ หรือรู้อุปการะของบุญที่ตนทำไว้แล้ว รู้ว่าที่ตนเองพ้นจากภัยอันตรายทั้งหลายได้ดีมีสุขอยู่ในปัจจุบันก็เพราะบุญทั้งหลายที่เคยทำไว้ในอดีตส่งผลให้ จึงไม่ลืมอุปการะของบุญนั้นเลย และสร้างสมบุญใหม่ให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
รวมความกตัญญู จึงหมายถึง การรู้จักบุญคุณ อะไรก็ตามที่เป็นบุญ หรือมีคุณต่อตน แล้วก็ตามระลึกนึกถึงด้วยความซาบซึ้งไม่ลืมเลย คนมีกตัญญูถึงแม้จะนัยน์ตาบอดมืดทั้งสองข้าง แต่ใจของเขาใสกระจ่างยิ่งกว่าดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ รวมกันเสียอีก
สิ่งที่ควรกตัญญู
สิ่งที่ควรแก่ความกตัญญูแบ่งได้เป็น ๕ ประการ ได้แก่
1. กตัญญูต่อบุคคล คือ ใครก็ตามที่เคยมีพระคุณต่อเรา ไม่ว่าจะมากน้อยเพียงไร จะต้องกตัญญูรู้คุณท่าน ติดตามระลึกถึงเสมอด้วยความซาบซึ้งพยายามหาโอกาสตอบแทนคุณท่านให้ได้ โดยเฉพาะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสงฆ์ บิดามารดา ครู อุปัชฌาย์อาจารย์ พระมหากษัตริย์หรือผู้ปกครองที่ทรงทศพิธราชธรรม จะต้องตามระลึกนึกถึงพระคุณของท่านให้จงหนัก ให้ปฏิบัติตัวให้เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เป็นศิษย์ที่ดีของครูอาจารย์ เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ และเป็นพุทธมามกะสมชื่อ
2. กตัญญูต่อสัตว์ คือ สัตว์ที่มีคุณต่อเรา เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย ที่ใช้งาน จะต้องใช้ด้วยความกรุณาปรานี ไม่เฆี่ยนตีมันจนเหลือเกิน อย่าใช้งานหนักจนเป็นการทรมาน และเลี้ยงดูให้อาหารอย่าให้อดอยากให้ได้กินได้นอนได้พักผ่อนตามเวลา ตัวอย่างในเรื่องกตัญญูต่อสัตว์นี้มีอยู่ว่า ในสมัยก่อนพุทธกาล วันหนึ่ง พระเจ้ากรุงราชคฤห์ เสด็จประพาสอุทยาน และได้บรรทมหลับในอุทยานนั้น ขณะนั้นมีงูเห่าตัวหนึ่งเลื้อยเข้ามาและกำลังจะฉกกัดพระองค์ เผอิญมีกระแตตัวหนึ่งเห็นเข้าแล้วร้องขึ้น พระองค์จึงสะดุ้งตื่นและไล่งูหนีไปทัน ทรงระลึกถึงคุณของกระแตว่าเป็นผู้ช่วยชีวิตพระองค์ไว้ จึงรับสั่งให้พระราชทานเหยื่อแก่กระแตในอุทยานนั้นทุกวัน และห้ามไม่ให้ใครทำอันตรายแก่กระแตในอุทยานนั้น คนทั้งหลายจึงเรียกอุทยานนั้นว่า “เวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน” แปลว่า ป่าไผ่อันเป็นที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต ซึ่งต่อมาก็คือ “เวฬุวันมหาวิหาร” วัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา
3. กตัญญูต่อสิ่งของ คือ ของสิ่งใดก็ตามที่มีคุณต่อเรา เช่นหนังสือ ธรรมะ หนังสือเรียน สถานศึกษา วัด ต้นไม้ ป่าไม้ วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการหาเลี้ยงชีพ ฯลฯ จะต้องปฏิบัติต่อสิ่งเหล่านี้ให้ดี ไม่ลบหลู่ดูแคลน ไม่ทำลาย ตัวอย่าง เช่น ไม้คานที่ใช้หาบของขาย เมื่อเจ้าของตั้งตัวได้ ร่ำรวยขึ้นก็ไม่ทิ้ง ยังคิดถึงคุณของไม้คานอยู่ ถือเป็นของคู่ชีวิต ช่วยเหลือตนสร้างฐานะมา จึงเลี่ยมทองเก็บไว้เป็นที่ระลึก อย่างนี้ก็มี
มีกล่าวไว้ในเตมียชาดกว่า “อย่าว่าถึงคนที่เราได้พึ่งพาอาศัยกันเลย แม้แต่ต้นไม้ที่ได้อาศัยร่มเงา ก็หาควรจะหักกิ่งลิดก้านรานใบของมันไม่ ผู้ใดพำนักอาศัยนั่งนอนใต้ร่มเงาของต้นไม้ใดแล้ว ยังขืนหักกิ่งลิดก้านรานใบ เด็ดยอดขุดรากถากเปลือก ผู้นั้นชื่อว่าทำร้ายมิตร เป็นคนชั่วช้าเลวทราม จะมีแต่อัปมงคลเป็นเบื้องหน้า"
4. กตัญญูต่อบุญ คือ รู้ว่าคนเราเกิดมามีอายุยืนยาว ร่างกายแข็งแรง ผิวพรรณดี สติปัญญาเฉลียวฉลาด มีความสุขความเจริญ มีความก้าวหน้า มีทรัพย์สมบัติมาก ก็เนื่องมาจากผลของบุญ จะไปสวรรค์หรือกระทั่งไปพระนิพพานได้ก็ด้วยบุญ กล่าวได้ว่า ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยบุญ ทั้งบุญเก่าที่ได้สะสมมาดีแล้ว และบุญใหม่ที่เพียรสร้างขึ้นประกอบกัน จึงมีความรู้คุณของบุญ มีความอ่อนน้อมในตัว ไม่ดูถูกบุญ ตามระลึกถึงบุญเก่าให้จิตใจชุ่มชื่น และไม่ประมาทในการสร้างบุญใหม่ให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
5. กตัญญูต่อตนเอง คือ รู้ว่าร่างกายของเรานี้เป็นอุปกรณ์สำคัญที่เราจะได้อาศัยใช้ในการทำความดี ใช้ในการสร้างบุญกุศลนานาประการเพื่อความสุข ความเจริญก้าวหน้า แก่ตนเองต่อไป จึงทะนุถนอมดูแลร่างกายรักษาสุขภาพให้ดี ไม่ทำลายด้วยการกินเหล้าเสพสิ่งเสพย์ติด เที่ยวเตร่ดึกๆ ดื่นๆ และไม่นำร่างกายนี้ไปประกอบความชั่ว เช่น ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ เจ้าชู้ อันเป็นการทำลายตนเอง
ความกตัญญูจำเป็นอย่างไรในการสร้างความดี
การที่คนเราจะมีความคิดใฝ่ดี ตั้งใจทำความดีสร้างสมคุณธรรมให้เกิดขึ้นในตัว เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่ที่ยากยิ่งกว่านั้นก็คือ ทำอย่างไรจึงจะรักษาความตั้งใจที่ดีนั้นไว้ โดยไม่ท้อถอยไม่เลิกกลางคัน เพราะในการทำความดีย่อมมีอุปสรรค มีปัญหาขัดขวางมากมาย ไหนจะปัญหาภายนอกจากคนรอบข้างจากสิ่งแวดล้อม ไหนจะปัญหาภายในจากกิเลส รุมล้อมประดังกันเข้ามา เราจะเอาตัวรอด ยืนหยัด สู้ปัญหาทั้งหลายที่เข้ามาผจญได้ โดยไม่ท้อถอย ก็ต้องมีสิ่งที่ยึดเหนี่ยวใจไว้ นั่นคือความกตัญญู
ไปโรงเรียน เรียนหนังสือ แม้จะยากแสนยาก ท้อถอยจะเลิกเสียก็หลายครั้ง เพื่อนฝูงบางคนชวนไปเที่ยวเตร่เฮฮา ดูน่าสนุกกว่ามากแต่เมื่อนึกถึงคุณพ่อคุณแม่ คิดว่าท่านอุตส่าห์ทะนุถนอมเลี้ยงดูเรามาจนเติบใหญ่ ท่านฝากความหวังไว้กับตัวเรา อยากเห็นตัวเราได้ดีเพียงใดพอคิดเท่านี้ ความกตัญญูเกิดขึ้น ก็มีแรงสู้ แม้จะยากแสนยาก แม้จะเหนื่อยแสนเหนื่อย ก็กัดฟันสู้ มุมานะตั้งใจเรียนให้ดีให้ได้ ไม่ยอมประพฤติตัวไปในทางเสื่อมเสียแก่วงศ์ตระกูลให้คุณพ่อคุณแม่ ครูบาอาจารย์ ได้อายโดยเด็ดขาด
เพราะเหตุนี้ จึงมีนักปฏิบัติธรรม นักเผยแผ่ธรรมะ รวมทั้งผู้ที่ตั้งใจทำงานเพื่อสังคมส่วนรวม หลายๆ คนเบื่อหน่าย ท้อถอย และเลิกราไปกลางคันอย่างน่าเสียดาย
แต่ถ้าเป็นผู้ที่มีความกตัญญูเป็นพื้นใจแล้ว เมื่อความท้อถอย ความเบื่อหน่ายเอือมระอาเกิดขึ้น เพียงแต่นึกว่า ที่เราได้มีโอกาสเรียนรู้ธรรมะรู้การสร้างบุญกุศล รู้วิธีการดำเนินชีวิตอันประเสริฐ รู้บุญรู้บาปอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ได้ทรงเสียสละอุทิศชีวิตทุ่มเทค้นคว้าจนตรัสรู้หลักอริยสัจ คือ ความจริงอันประเสริฐทั้งหลายมาสอนเรา ได้คิดถึงชีวิต เลือดเนื้อ ความเพียรพยายามที่พระองค์ได้ทรงทุ่มเทลงไปตลอดระยะเวลาที่ทรงบำเพ็ญบารมีอยู่นานถึง 4 อสงไขยกับแสนกัปว่ามากมายมหาศาลเพียงใด (เวลากัปหนึ่งอุปมาได้กับมีภูเขาหินรูปสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ กว้าง 16 กิโลเมตร ยาว 16 กิโลเมตร สูง 16กิโลเมตร ทุก 100 ปี มีเทวดาเอาผ้าทิพย์บางเบา มาลูบครั้งหนึ่ง เมื่อใดภูเขาลูกนี้สึกหมด เรียบเสมอพื้นดินระยะเวลานั้นเท่ากับกัปหนึ่ง 1 อสงไขย = 10^140 คือ จำนวนที่มีเลข 1 และมีเลข 0 ต่อท้าย 140 ตัว) ตลอดจนคิดถึงพระคุณของครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่ท่านอุตส่าห์ถ่ายทอดคำสอนชองพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อๆ กันมา และอบรมสั่งสอนให้เราได้ทราบได้รู้ถึงคำสอนของพระองค์ โดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก คิดเพียงเท่านี้ ความท้อถอยก็หาย ความเหนื่อยหน่ายก็คลาย แม้ความตายก็ไม่หวั่น เกิดกำลังใจที่จะทำความดีต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
ความกตัญญูจึงเป็นคุณธรรมที่สำคัญยิ่ง ที่จะประคองใจของเราให้ดำรงมั่นอยู่ในคุณธรรมอันยิ่งๆ ขึ้นไป อานิสงส์การมีความกตัญญู
1. ทำให้รักษาคุณความดีเดิมไว้ได้
2. ทำให้สร้างคุณความดีใหม่ได้อีก
3. ทำให้เกิดสติ ไม่ประมาท
4. ทำให้เกิดหิริโอตตัปปะ
5. ทำให้เกิดขันติ
6. ทำให้จิตใจผ่องใส มองโลกในแง่ดี
7. ทำให้เป็นที่สรรเสริญของคนดี
8. ทำให้มีคนอยากคบหาสมาคม
9. ทำให้ทั้งมนุษย์และเทวดาอยากช่วยเหลือ
10. ทำให้ไม่มีเวรไม่มีภัย
11. ทำให้ลาภผลทั้งหลาย เกิดขึ้นโดยง่าย
12. ทำให้บรรลุมรรคผลนิพพานโดยง่าย
วัสดุอุปกรณ์
1. สมุดบันทึก
2. ปากกา หรือ ดินสอ
3. กล้องบันทึกภาพ
4. คอมพิวเตอร์ ปริ๊นเตอร์ อินเทอร์เน็ต
5. ชุมชน
6. วัดมงคลโกวิทาราม
7. บ้านของนักเรียนแต่ละคน
8. โรงเรียนบ้านปากห้วยวังนอง
9. รถจักรยาน
ขั้นตอนและวิธีการศึกษาค้นคว้า
1. สอบถามเพื่อน ๆ ในห้องเรียน ชั้น ป.6/2 ว่าจะพัฒนาคุณธรรมในข้อใด เพื่อน ๆ ตกลงกันว่าจะพัฒนาคุณธรรมความกตัญญูกตเวที
2. คิดหัวข้อโครงงานเสนอความคิดร่วมกัน เรื่อง ความเป็นมา ความสำคัญและผลที่จะได้รับ
3. ประชุมวางแผนแบ่งความรับผิดชอบโดยการไปสอบถามเพื่อน ๆ
4. ศึกษาค้นคว้าเอกสารทางอินเทอร์เน็ตและค้นคว้าโครงงานที่เกี่ยวข้องกับความกตัญญู
5. ปฏิบัติกิจกรรมออกสำรวจ สัมภาษณ์ ข้อมูลเกี่ยวกับความกตัญญูของเพื่อน ๆ ทุกคนในห้อง ป.6/2
6. รวบรวมข้อมูลเอกสารเป็นรูปเล่ม
7. เขียนรายงานผลงาน
8. ตรวจสอบความถูกต้อง
9. สรุปผลการศึกษา
10. ฝึกการนำเสนอผลงาน
11. เขียนรายงานแล้วเผยแพร่ผลงาน
สรุปผลการศึกษาค้นคว้า
จากการศึกษา สัมภาษณ์ และสอบถามเพื่อน ๆ ภายชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 พบว่าส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่กับญาติที่ไม่ใช่ บิดา – มารดา ของตน บิดา – มารดา หย่าร้าง หรือไปทำงานต่างจังหวัด ทิ้งให้อยู่กับตายายและทำให้เด็กมีปัญหาไม่เชื่อฟังตายาย เพราะ ตา ยาย ไม่เข้าใจเด็ก จะมีแค่เด็กส่วนน้อยที่มีความกตัญญูต่อ ตา ยาย หรือผู้มีพระคุณอื่นที่นักเรียนได้พักอาศัยอยู่ด้วย และเราได้นำเสนอนักเรียนเหล่านี้ให้กับกรรมการสภานักเรียนเพื่อจะได้ทำเกียรติบัตรเป็นกำลังใจในการทำความดีและเป็นแบบอย่างให้กับนักเรียนรุ่นต่อไป พร้อมทั้งให้โรงเรียนได้เพิ่มคุณธรรมด้านความกตัญญู ให้เป็นคุณธรรมพื้นฐานข้อที่ 9 เพื่อให้นักเรียนได้ท่องและมีจิตสำนึกในการเป็นผู้มีความกตัญญู
ข้อเสนอแนะ
ควรมีใบประกาศและรางวัลเพื่อเป็นแรงจูงใจนักเรียนได้คิดโครงงานดี ๆ เพิ่มขึ้น
อ้างอิง
http://www.kanlayanatam.com/sara/sara86.htm
http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php
โครงงานคุณธรรม
เรื่อง พลังแห่งความกตัญญูรู้คุณนำสู่ความเจริญ
จัดทำโดย
1. เด็กหญิงธัญนาฏ พสุนนท์
2. เด็กหญิงปานวาด ไชยพิมพ์
3. เด็กหญิงศุภิสรา ศิริวุฒิ
4. เด็กหญิงศุภรัตน์ ไชยทอง
คุณครูที่ปรึกษา
1. คุณครูวชิราภรณ์ สัตยากูล
2. คุณครูสุภวัฒน์ นามเจริญ
3. คุณครูมยุรี ฉวีรักษ์
4. คุณครูทานิยา ศรีเมืองซอง
โรงเรียนบ้านปากห้วยวังนอง
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 1
คำนำ
โครงงานคุณธรรม เรื่อง พลังแห่งความกตัญญูรู้คุณนำสู่ความเจริญ ฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อสำรวจพัฒนาคุณธรรม ด้านความกตัญญูของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 จำนวน 39 คน ซึ่งการนี้ความกตัญญูดูแล พ่อ – แม่ ญาติผู้ใหญ่ ซึ่งการแสดงความกตัญญูนั้นมีหลายอย่างที่สามารถแสดงได้ แต่ยังไม่มีการสนับสนุนและมองเห็นคุณค่า ดังนั้นการจัดทำโครงงานนี้ขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง และมีความเจริญด้านวัตถุ แต่ถดถอยด้านจิตใจและคุณงามความดี ยังมีสิ่งเล็ก ๆ ที่แฝงอยู่ในสังคมแห่งนี้ ยังคงมีให้เห็นแม้จะเป็นจุดเล็ก ๆ แต่คงพอจะเป็นแรง กระตุ้นให้เกิดมีความสว่างไสวคอยเป็นกำลังใจให้กับคณะผู้จัดทำได้มีกำลังใจที่จะทำความดีนี้ตลอดไป
เอกสารนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ได้จัดทำขึ้นจากการปฏิบัติมาเป็นตัวหนังสือ ซึ่งอาจจะไม่ละเอียด มีข้อบกพร่องบ้าง แต่ก็เป็นงานที่คณะผู้จัดทำได้พยายามสุดความสามารถแล้ว ถ้ามีข้อผิดพลาดก็ขอน้อมรับด้วยความขอบคุณ และจะขอบพระคุณเป็นอย่างมากหากได้รับการแนะนำจากผู้ที่ได้ศึกษาเอกสารโครงงานนี้
คณะผู้จัดทำ
บทคัดย่อ
โครงงานพลังแห่งความกตัญญูรู้คุณนำสู่ความเจริญกลุ่มพวกเราได้รวมใจกันทำโครงงานนี้เพื่อให้เด็กรุ่นใหม่ได้มีความสำนึกในความเป็นลูก การอยู่เป็นครอบครัวและความเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ ถ้าเด็กโรงเรียนของเรา พยายามทำให้ได้ครบ 9 ประการ อย่างที่โรงเรียนได้หวังไว้คงจะประสบผลสำเร็จได้เป็นอย่างดี และการพัฒนาเด็กที่มีความกตัญญูจะประสบแต่ความดี ๆ ให้เป็นตัวอย่างแก่ประเทศชาติได้
ผลการศึกษาพบว่า เด็กหญิงธัญนาฏ พสุนนท์ ได้มีความกตัญญูต่อคุณลุง คุณป้า โดยเฉพาะคุณลุงที่พิการขาถูกตัดมา เป็นเวลา 3 ปีแล้วเด็กหญิงธัญนาฏ จะเป็นคนคอยป้อนข้าว ป้อนน้ำ บีบนวด พร้อมทั้งช่วยคุณป้าเลี้ยงน้องด้วยความเต็มใจ และนอกจากนี้ยังเป็นผู้ที่ขยันเรียนมีผลการเรียนในระดับดีมากทุกวิชา เด็กหญิงปานวาด ไชยพิมพ์ เป็นผู้มีความกตัญญูต่อญาติผู้ใหญ่ที่ท่านได้เคยช่วยเหลือโดยการเสนอตัวเข้าไปช่วยงานที่ท่านต้องการความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดบ้าน หรือการทำอาหารก็ช่วยเสมอ เด็กหญิงศุภิสรา ศิริวุฒิ และเด็กหญิงศุภธิดา ศิริวุฒิ ที่เป็นฝาแฝด ได้แสดงความกตัญญูกับ คุณตา – คุณยาย ที่ได้ดูแลเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก คอยรับส่งตอนมาเรียนหนังสือ จากการสัมภาษณ์คุณตา – คุณยาย ต่างก็ภาคภูมิใจในหลานสาวฝาแฝดทั้งสองคน ที่เป็นคนไม่นิ่งดูดายช่วยเหลืองานต่าง ๆ ในบ้านทั้ง ล้างจาน ซักผ้า ถูบ้าน และการทำงานบ้านต่าง ๆ บางครั้งก็ไปถอนหญ้าโดยไม่เคยบังคับให้ทำแต่ทั้งสองจะทำด้วยความเต็มใจ นอกจากนี้ทั้งสองยังแบ่งเวลาในการทำงาน การเรียน การหาความสุขจากการค้นคว้าทางอินเทอร์เน็ต และร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นทุกครั้ง เด็กหญิงศุภรัตน์ ไชยทอง เป็นเด็กดีเชื่อฟังพ่อแม่ มีกริยา มารยาทเรียบร้อย ช่วยเหลืองานบ้านพ่อแม่ อย่างเต็มกำลังความสามารถ
กิตติกรรมประกาศ
ในการทำโครงงานพลังแห่งความกตัญญูรู้คุณนำสู่ความเจริญนี้ เป็นโครงงานที่จัดทำเพื่อส่งเสริมคุณธรรมให้กับเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ได้มองเห็นคุณค่าของผู้มีพระคุณกับเราไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อ คุณแม่ คุณตา คุณยาย รวมไปทั้งผู้ปกครองของเราด้วย นอกจากนั้นการมีความกตัญญูยังควรมีให้กับหลาย ๆ สิ่งด้วย และถ้าจะยิ่งใหญ่ที่สุดทุกคนควรจะมีความกตัญญูต่อชาติจะเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าบุคคลแห่งความกตัญญู
การจัดทำโครงงานในครั้งนี้ พวกเราได้รับความอนุเคราะห์จากนายสุวรรณ บุญจูง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านปากห้วยวังนอง คุณครูวชิราภรณ์ สัตยากูล คุณครูมยุรี ฉวีรักษ์ คุณครูทานิยา ศรีเมืองซอง และคุณครูสุภวัฒน์ นามเจริญ ที่ได้ให้คำแนะนำและคำปรึกษา แก่พวกเราในด้านความรู้ความเข้าใจที่เกี่ยวกับการทำโครงงาน การค้นคว้าหาเอกสาร อำนวยความสะดวกแก่พวกเราในการจัดกิจกรรมได้ประสบความสำเร็จไปด้วยดี นอกจากนี้พวกเรายังได้กำลังใจจากเพื่อน ๆ ทุกคนที่คอยช่วยเหลือในการบันทึกภาพ พวกเราจึงขอขอบคุณทุกท่าน ไว้ ณ โอกาสนี้
คณะผู้จัดทำ
ผังมโนทัศน์